เทคนิคการงานสร้างภาพให้กับแบรนด์ของคุณ

เทคนิคการงานสร้างภาพให้กับแบรนด์ของคุณ

         ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ (Brand Image) เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยดึงดูดลูกค้า สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และนำไปสู่ความสำเร็จ

           เทคนิคการงานสร้างภาพ มีมากมาย ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ กลุ่มเป้าหมาย และภาพลักษณ์ที่ต้องการ  แต่มีหลักการพื้นฐานที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ดังนี้

สารบัญ

1. ระบุให้ชัดเจนว่าแบรนด์ของคุณคืออะไร

           ก่อนที่คุณจะสร้างแบรนด์หรือธุรกิจใดๆก็ตามสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงอันดับแรกก็คือ คุณคือใคร บริษัทของคุณทำอะไร คุณกำลังนำเสนออะไรให้กับลูกค้า สินค้าหรือบริการคืออะไร การมีอยู่ของคุณนั้นเพื่ออะไร ทำไมลูกค้าถึงต้องสนับสนุนคุณ อะไรที่ทำให้คุณแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ โดยคำถามต่างๆเหล่านี้จะช่วยวางแนวทางของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ด้วยจะแนะนำ ดังนี้

            คุณคือใคร? บริษัทของคุณทำอะไร?

                        การทำธุรกิจเราต้องรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร บริษัทกำลังทำอะไรเพื่อกำหนดการสร้างแบรนด์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

            นำเสนออะไร? สินค้าหรือบริการคืออะไร? จุดเด่นคืออะไร?

                        เราต้องนำเสนอ สิ่งที่เป็นจุดเด่น และ ทำให้คนมาสนใจกับเรา

            ทำไมลูกค้าต้องเลือก? อะไรที่ทำให้คุณแตกต่าง?

                        เราต้องบอกให้ได้ว่าทำไมเขาถึงเลือกบริษัทเรา และ จะต้องเป็นเราเท่านั้น เราลองหาคำตอบดูนะครับ

2. ทำ SWOT Analysis

           เมื่อคุณได้แนวคิดการสร้างแบรนด์และธุรกิจแล้วก็จำเป็นต้องรู้ว่าคุณอยู่ ณ จุดไหนด้วยการทำ SWOT Analysis หรือการวิเคราะห์จุดแข็ง (Strengths) จุดอ่อน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับคู่แข่ง คุณจะได้เข้าใจและมองเห็นภาพทั้งหมดเพื่อนำมาปรับใช้กับการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์และธุรกิจของคุณ

3. ระบุให้ชัดเจนว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณคือใคร

         แนวทางการสร้างแบรนด์ที่คุณวางไว้จะทำให้คุณเห็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งมันจะช่วยให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image) ของคุณนั้นแข็งแกร่งและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น คุณจะรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคิดอะไรอยู่ อยากได้อะไร จะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร ด้วยคอนเทนต์แบบไหน ในช่องทางไหนที่เหมาะสม ดังนี้

            3.1 เข้าใจความคิดและความต้องการ:

                        ข้อมูลประชากร: เพศ อายุ อาชีพ รายได้ การศึกษา สถานะครอบครัว

                        พฤติกรรม: การใช้ชีวิต ความสนใจ งานอดิเรก การซื้อของ

                        จิตวิทยา: ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ ความเชื่อ แรงจูงใจ

            3.2 สื่อสารอย่างไร?:

                        ภาษา: เข้าใจง่าย ตรงประเด็น เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย

                        น้ำเสียง: เป็นมิตร สุภาพ น่าเชื่อถือ

                        อารมณ์: สนุกสนาน จริงจัง อบอุ่น กระตุ้นความคิด

            3.3 เนื้อหาแบบไหน?:

                        ข้อมูล: ตรงประเด็น มีประโยชน์ น่าเชื่อถือ

                        ความบันเทิง: สนุกสนาน ดึงดูดความสนใจ

                        แรงบันดาลใจ: กระตุ้นความคิด สร้างแรงบันดาลใจ

                        การเล่าเรื่อง: น่าสนใจ ดึงดูดใจ เชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมาย

            3.4 ช่องทางไหน?:

                        ออนไลน์: เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล

                        ออฟไลน์: สื่อสิ่งพิมพ์ ป้ายโฆษณา กิจกรรม

4. กำหนดคุณค่าที่แท้จริงให้กับแบรนด์

         เพื่อให้ได้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image) ที่แข็งแกร่งนั้นคุณก็จำเป็นต้องชัดเจนในการกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) คุณค่า (Values) ของแบรนด์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณนั้นเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่ คุณเกิดมาเพื่อสนับสนุนและตอบโจทย์ลูกค้าในด้านไหนบ้าง ซึ่งมันจะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ลูกค้ามองเห็นภาพโดยรวมจากแบรนด์ของคุณ

            เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย: ศึกษาและเข้าใจลึกลงไปในกลุ่มเป้าหมายของคุณ เข้าใจความต้องการและความคาดหวังของพวกเขาเพื่อสร้างสื่อที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

            ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ: เข้าใจและระบุคุณค่าหลักของแบรนด์ของคุณ เช่น พันธกิจ วัตถุประสงค์ และสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง

            สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ: สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจสำหรับลูกค้า เช่น ภาพถ่ายคุณภาพสูง, วิดีโอสื่อสาร, และบทความที่น่าสนใจ

            ใช้สื่อสารที่สม่ำเสมอ: ให้แนวทางการสื่อสารและสไตล์ที่สม่ำเสมอกับคุณค่าและตราสินค้าของคุณ

            ทดสอบและปรับปรุง: ทดลองและปรับปรุงกิจกรรมการสร้างภาพของคุณตามผลลัพธ์ที่ได้ โดยใช้ข้อมูลจากการวัดผลและข้อเสนอแนะจากลูกค้า

5. ความชัดเจนของ Brand Voice

         ทุกๆครั้งที่แบรนด์นั้นมีการติดต่อสื่อสารหรือเกิดปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในแบบต่างๆ ลูกค้าจะจดจำแนวทางที่คุณสื่อสารซึ่งมันก็เกี่ยวข้องกับการใช้คำพูดรวมถึงโทนและน้ำเสียง (Brand Voice) ที่ถูกถ่ายทอดผ่านงานโฆษณาและสื่อต่างๆ อาทิ แบรนด์คุณมีความสนุกสนาน ดูมีความเป็นทางการ หรือดูเรียบง่ายสบายๆ

6. บุคลิกภาพของแบรนด์ต้องชัดเจน

          เพื่อให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image) นั้นเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าแบบแนบแน่นให้ได้ ก็จำเป็นต้องหาบุคลิกภาพของแบรนด์ (Brand Personality) ที่เด่นชัดมากที่สุดของคุณให้ได้ เพราะมันส่งผลต่อความรู้สึกแบบมนุษย์สื่อสารกับมนุษย์ที่ต่อยอดไปถึงเรื่องของความเชื่อใจและเชื่อมั่นในตัวแบรนด์ได้ในอนาคต

7. เตรียมแนวทางการสื่อสารแบรนด์

           เมื่อทุกอย่างที่คุณวางรากฐานไว้นั้นพร้อมหมดแล้วก็ได้เวลาของการทำทุกอย่างให้ออกมาเป็นภาพในรูปแบบของ Brand Guideline ที่ประกอบไปด้วยแนวทางการใช้โลโก้ โทนสี การใช้รูปภาพ และรายละเอียดอื่นๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางให้กับทีมงานในการปรับใช้กับสื่อโฆษณาและกิจกรรมการตลาดต่างๆ รวมไปถึงการเชื่อมโยงเข้ากับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยเช่นกัน

8. อย่าหยุดการสื่อสาร

            ประกาศให้ทุกๆคนรู้ว่าแบรนด์ของคุณนั้นมีดีอย่างไรผ่านการสื่อสารการตลาดในทุกรูปแบบ ที่ตรงกับช่องทางการเปิดรับสารของกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คุณ ด้วยแนวทางที่คุณได้วางไว้อย่างต่อเนื่องและคงความเป็นแบรนด์ของคุณอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการจดจำในใจของลูกค้าของคุณจนนึกถึงคุณได้ในทุกครั้ง

            ทั้ง 8 เคล็ดลับง่ายๆนี้จะช่วยให้แบรนด์ของคุณมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นชัดเจน และกลายเป็นที่จดจำของลูกค้าได้อย่างไม่ยากเย็น และที่สำคัญก็คือต้องมีวินัยกับการรักษามาตรฐานของแบรนด์เอาไว้เสมอๆ เพราะคู่แข่งของคุณนั้นก็พร้อมที่จะแซงหน้าคุณได้อยู่ตลอดเวลาครับ หากใครมีความคิดเห็นใดๆหรือลองนำไปปรับใช้ดูแล้วเกิดผลลัพธ์อย่างไร ก็ลองนำมาแชร์กันได้นะครับ

Picture of admin

admin

Scroll to Top